ค่ำคืนแห่งความคลั่งไคล้ฟุตบอลทั่วยุโรป: บาร์เซโลน่าสร้างความตกตะลึงด้วยการพลิกกลับมาเอาชนะแอตเลติโก มาดริด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ขยายสถิติชนะติดต่อกันเป็น 19 นัด, ดอร์ทมุนด์อกหักเมื่อต้องตกรอบ: แอตเลติโก มาดริด พบ บาร์เซโลน่า

ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 3 ธันวาคม ตามเวลาปักกิ่ง ลีกใหญ่ของยุโรปและ DFB-Pokal ได้จัดการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นหลายนัด การปะทะสำคัญเกิดขึ้นในรอบที่ 19 ของลาลีกา รอบที่ 14 ของพรีเมียร์ลีก และรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ DFB-Pokalในค่ำคืนที่การแข่งขันดุเดือด บาร์เซโลน่าพลิกกลับมาเอาชนะแอตเลติโก มาดริด 3-1 ในบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าชัยชนะสุดระทึก 5-4 จากเกมเยือนฟูแล่ม ขณะที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พ่ายคาบ้านต่อไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 0-1 ทำให้ต้องตกรอบก่อนรองชนะเลิศ DFB-Pokal ด้านล่างนี้คือบทวิเคราะห์อย่างละเอียดของการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้

ศึกแห่งลาลีกา: บาร์เซโลนา พบ แอตเลติโก มาดริด

การแข่งขันนัดนี้เป็นการเผชิญหน้าครั้งสำคัญเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์ โดยบาร์เซโลนาครองตำแหน่งจ่าฝูงของลีก และแอตเลติโก มาดริด ตามมาติดๆ ในอันดับที่สี่ โดยมีคะแนนห่างกันเพียงสามแต้มเท่านั้น ตั้งแต่เริ่มต้น บาร์เซโลนาแสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นในการครองบอล โดยครองบอลได้ถึง 71% ในครึ่งแรก พวกเขาสร้างโอกาสยิงประตูได้ 12 ครั้ง โดยยิงตรงกรอบ 3 ครั้ง และเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้ 1 ครั้งในทางตรงกันข้าม แอตเลติโกเลือกใช้วิธีการที่ระมัดระวังมากขึ้น โดยทำได้เพียงหนึ่งครั้งในการยิงตรงกรอบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความมีประสิทธิภาพของพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญเมื่อพวกเขาฉวยโอกาสสำคัญได้ ในนาทีที่ 20 โมลินาได้ส่งบอลโด่งไปให้บาเอนา ซึ่งจบสกอร์ได้อย่างเยือกเย็นในช่วงโต้กลับ ทำให้แอตเลติโกขึ้นนำ บาร์เซโลนาตอบโต้อย่างรวดเร็ว โดยเปดรีส่งบอลทะลุช่องให้ราฟินญาเลี้ยงบอลหลบผู้รักษาประตูและทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 25ในช่วงท้ายของครึ่งแรก เลวานดอฟสกี้พลาดจุดโทษ ทำให้สกอร์ยังคงเสมอกันที่ 1-1 ในช่วงพักครึ่ง ในนาทีที่ 65 ของครึ่งหลัง เลวานดอฟสกี้จ่ายบอลให้โอลโมทำประตู ก่อนที่เฟอร์รานจะยิงประตูที่สามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเพื่อปิดฉากการกลับมาของบาร์เซโลนา ทีมจากแคว้นคาตาลันคว้าชัยชนะ 3-1 ทำให้พวกเขาชนะติดต่อกัน 5 นัดในลีก และขยับขึ้นไปมี 37 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงของลาลีกาต่อไป

ศึกพรีเมียร์ลีก: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ ฟูแล่ม

ในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดฉากโจมตีอย่างเต็มที่ต่อฟูแล่มที่ตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการตกชั้น โดยเริ่มเกมด้วยความเข้มข้นสูง ในนาทีที่ 17 ดูกูส่งบอลข้ามให้กับฮาแลนด์ทำประตูแรกของเกม จากนั้นฮาแลนด์ก็ช่วยเรนเดอร์ตส์ทำประตูในจังหวะตัวต่อตัวในนาทีที่ 37 ก่อนที่โฟเดนจะยิงประตูระยะไกลที่ยอดเยี่ยมในนาทีที่ 45 ทำให้ซิตี้ขึ้นนำ 3-0 อย่างเด็ดขาดในครึ่งแรกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฟูแล่มตีไข่แตกได้จากสมิธ โรว์ ครึ่งหลังเริ่มขึ้นโดยโฟเดนและโดกุทำประตูต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ขยายสกอร์นำเป็น 5-1 อย่างไรก็ตาม แนวรับของแมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับเสียสมาธิ เสียสามประตูภายใน 21 นาที รวมถึงสองประตูจากอิโวบี้และชุควูเซ่ ทำให้เกมกลับมาสูสีอีกครั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าชัยชนะอย่างดราม่า 5-4 ทำให้พวกเขาไม่แพ้ให้กับฟูแล่มในทุกรายการติดต่อกันถึง 19 นัด รวมถึงการชนะในพรีเมียร์ลีก 16 นัดติดต่อกันด้วย ตอนนี้ซิตีส์มี 28 คะแนน ตามหลังผู้นำลีกเพียง 2 คะแนน และมีเกมในมืออยู่ 1 นัดที่น่าสังเกตคือ ฮาแลนด์ยิงได้หนึ่งประตูและยิงชนเสาอีกสองครั้ง พลาดโอกาสทำแฮตทริกไปอย่างน่าเสียดาย แต่สร้างสถิติใหม่ในพรีเมียร์ลีกด้วยการเป็นนักเตะที่เร็วที่สุดที่ทำประตูครบ 100 ประตูจากการลงสนามเพียง 111 นัด

DFB-Pokal: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

ในฐานะสองทีมเต็งของทัวร์นาเมนต์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้ปะทะกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกเดเอฟเบ โพคาล ทั้งสองทีมต่างทำผลงานโดดเด่นในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ โดยมีความแข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกัน ดอร์ทมุนด์ใช้ความได้เปรียบจากการเล่นในบ้านเปิดเกมรุกอย่างไม่หยุดยั้ง แต่การจบสกอร์กลับขาดประสิทธิภาพอย่างน่าเสียดาย ครึ่งแรกพวกเขาได้ยิงถึงเก้าครั้งแต่ไม่ตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังพลาดโอกาสทองและเตะมุมถึงหกครั้ง ในทางตรงกันข้าม เลเวอร์คูเซ่นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในนาทีที่ 34 เลเวอร์คูเซ่นทำลายความเงียบด้วยการโจมตีสวนกลับอย่างไหลลื่น โดยกริมัลโดเป็นผู้จ่ายบอลให้มาซซ่าทำประตูแรกของเกม ครึ่งหลังทั้งสองทีมต่างแลกเปลี่ยนการโจมตีแต่ไม่สามารถทำประตูได้ ทำให้เลเวอร์คูเซ่นชนะไป 1-0 เหนือดอร์ทมุนด์ และผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ แคมเปญในถ้วยของดอร์ทมุนด์จบลงที่นี่ ทำให้แฟนบอลรู้สึกผิดหวังอย่างมาก

โดยรวมแล้ว คืนแห่งฟุตบอลยุโรปเต็มไปด้วยความดราม่าและช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น บาร์เซโลนายังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างมั่นคง ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงรักษาโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในการไล่ล่า ส่วนความพลิกล็อกในถ้วยเยอรมันก็เพิ่มความน่าสนใจให้กับโปรแกรมการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง แฟนบอลต่างตั้งตารอคอยการแข่งขันที่เข้มข้นและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นในอนาคต